บุคคลที่มีจำนวน ๗ คือ
- ผู้ประกอบด้วยอกุศลธรรมฝ่ายดำล้วน จมน้ำแล้วไม่โผล่ขึ้นเลย
- ผู้ประกอบด้วยคุณธรรม แต่เสื่อมไปเสมือนโผล่แล้วจมลง
- ผู้ประกอบด้วยคุณธรรม เสมือนโผล่น้ำแล้วลอยอยู่มิจมลง
- ผู้แจ้งแล้วคือพระโสดาบัน เสมือนโผล่น้ำแล้วเห็นแจ่มแจ้ง
- ผู้แจ้งแล้วคือพระสกิทาคามี เสมือนโผล่น้ำแล้วว่ายเข้าหาฝั่ง
- ผู้แจ้งแล้วคือพระอนาคามี เสมือนโผล่น้ำไปถึงที่ตื้น
- ผู้แจ้งแล้วคือพระอรหันต์ เสมือนโผล่ข้ามฝั่งแล้วยืนบนบกได้แล้ว
บุคคลที่มีจำนวน ๘ คือ บุคคลสมบูรณ์ด้วยมรรค ๔ ผล ๔
- พระโสดาปัตติมรรค, ทางปฏิบัติเพื่อบรรลุผล คือ ความเป็นพระโสดาบันญาณ
คือ ความรู้เป็นเหตุให้ละสังโยชน์ ๓ คือ สักกายะทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส
- พระโสดาปัตติผล, ผลที่ได้รับจากการละสังโยชน์ ๓ ถึงกระแสสู่พระนิพพาน
- พระสกทาคามิมรรค, ทางปฏิบัติเพื่อบรรลุผล คือ ความเป็นพระสกทาคามิผลญาณ
คือ ความรู้เป็น เหตุให้ละสังดยชน์ ๓ และทำราคะ โทสะ โมหะ ให้เบาบางลง
- พระสกทาคามิผล, ผลที่ได้รับจากการละสังโยชน์ ๓ แลทำราคะ โทสะ
โมหะให้เบาบางลง อันสืบเนื่องจากสกทาคามิมรรค
- พระอนาคามิมรรค, ทางปฏิบัติเพื่อบรรลุผล คือ ความเป็นพระอนาคามิผลญาณ
คือ ความรู้เป็นเหตุให้ละโอรัมภาคียสังโยชน์ได้ทั้ง ๕ คือ ละสังโยชน์ได้ทั้ง ๕
คือ ละได้เด็ดขาด เพิ่มอีก ๒ คือ กามราคะ และปฏิฆะ
- พระอนาคามีผล, ผลที่ได้รับจากการละสังโยชน์ ๕
คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กามราคะ และปฏิฆะ
- พระอรหัตตมรรค, ทางปฏิบัติเพื่อบรรลุผล คือ ความเป็นอรหันต์
ญาณ คือ ความรู้เป็นเหตุละสังโยชน์ได้ทั้ง ๑๐ ข้อ,
- พระอรหัตตผล, ผลที่ได้รับจากการละสังโยชน์ทั้งหมด สำเร็จเป็นพระอรหันต์ดังนี้
บุคคลที่มีจำนวน ๙ คือ
- พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ได้เอง และตั้งพระศาสนา
- พระปัจเจกพุทธเจ้าตรัสรู้ได้เองแต่มิได้ตั้งพระศาสนา
- อุภโตภาควิมุติ ผู้พ้นด้วยสมาธิและปัญญา
- ปัญญาวิมุติ ผู้พ้นด้วยปัญญาประการเดียว
- กายสักขี ผู้เห็นธรรมด้วยนามกาย (พิจารณารู้เท่าทันกาย) สิ้นอาสวะบางส่วน
- ทิฏฐิปัตตะ ผู้เห็นสัจจธรรมด้วยปัญญาสิ้นอาสวะบางส่วน
- สัทธาวิมุติ ผู้พ้นด้วยศรัทธา สิ้นอาสวะบางส่วน
- ธัมมานุสารี ผู้แล่นไปตามธรรม คือ ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งโสตาปัตติผล มีปัญญาออกหน้า
- สัทธานุสารี ผู้แล่นไปตามศรัทธา คือ ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งโสดาปัตติผล มีศรัทธาออกหน้า
(ยังมีต่ออีก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น