วิปากะ ปัจจะโย,
ธรรมทั้งหลายเหล่าใด บุคคลได้กระทำแล้วด้วยกุศลจิต อกุศลจิต
ย่อมมีผลเป็นวิบากกรรมอาศัย ทำดีมีวิบากเป็นกุศล ทำชั่วมีวิบาก
เป็นอกุศล เกิดวิปฏิสารเดือดร้อนใจทั้งภพนี้แลภพหน้า
อาหาระ ปัจจะโย,
ธรรมทั้งหลายเหล่าใด มีปัจจัยอันนำมาซึ่งผล เป็นเครื่องหล่อ
เลี้ยงชีวิต ๔ ปรกการ คือ
- กวฬิงการาหาร อาหาร คือ คำข้าวที่กลืนกินเข้าไปหล่อ
เลี้ยงร่างกาย อาหารที่เป็นวัตถุ
- ผัสสาหาร อาหาร คือ ผัสสะเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา
มีอายตนะภายใน อายตนะภายนอก และวิญญาณกระทบกัน
ย่อมเกิดเป็นสุขบ้าง ทุกข์บ้าง เป็นอุเบกขาบ้าง
- มโนสัญเจตนาหาร อาหาร คือ ความจงใจกระทำให้เกิดกรรม
ให้พูด ให้คิดและให้กระทำ
- วิญญาณาหาร อาหาร คือ วิญญาณ เป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แลรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
ธรรมารมณ์ ดังนี้
อินทรียะ ปัจจะโย,
ธรรมทั้งหลายเหล่าใด ทรงไว้ซึ่งความเป็นใหญ่ในหน้าที่ของตน
- ตา เป็นใหญ่ในการเห็น รูป
- หู เป็นใหญ่ในการได้ยิน
- จมูก เป็นใหญ่ในการได้กลิ่น
- ลิ้น เป็นใหญ่ในการลิ้มรส
- กาย เป็นใหญ่ในการสัมผัส
- ใจ เป็นใหญ่ในการรู้อารมณ์ยินดีไม่ยินดี
- สัทธา เป็นใหญ่ในการเชื่อในพระรัตนตรัย
- วิริยะ เป็นใหญ่ในความเพียร
- สติ เป็นใหญ่ในการตั้งอยู่่ในความระลึกรู้
- ปัญญา เป็นใหญ่ในความรู้สภาวะตามความเป็นจริง
ของธรรมชาตินั้น
ฌานะ ปัจจะโย,
ธรรมทั้งหลายเหล่าใด อันบุคคลกระทำแล้วด้วยการเพ่งอารมณ์จิตเป็นหนึ่ง
มีอัปปนาสมาธิเป็นบาทแล้ว เมื่อนั้นย่อมมีองค์ฌานบังเกิดขึ้น คือ
- ปฐมฌาน มีวิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัคคตาา
- ทุติยฌาน มีปิติ สุข เอกัคคตา
- ตติยฌาน มีสุข เอกัคคตา
- จตุตถฌาน มีเอกัคคตา แลอุเบกขา
- อากาสานัญจายตนฌาน กำหนดอากาศหาที่สุดมิได้
- วิญญานัญจายตนฌาน ฌานกำหนดวิญญาณหาที่สุดมิได้
- อากิญจัญยายตนฌาน ฌานกำหนดภาวะไม่มีอะไร
- เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ฌานกำหนดภาวะมีสัญญา
ก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่
มัคคะ ปัจจะโย,
ธรรมทั้งหลายเหล่าใด อันบุคคลกระทำแล้วปฏิบัติแล้ว ย่อมถึงความดับทุกข์
ย่อมถึงความเป็นอริยบุคคล ละสังโยชน์ด้วยประการต่าง ๆ ด้วยพระอริย
อัฏฐังคิกมรรค ๘ ประการ คือ
- สัมมาทิฏฐิ ปัญญาเห็นชอบในอริยสัจจ์สี่ ปัญญาเห็นชอบตามความ
เป็นจริงว่า ขันธ์ ๕ ไม่เที่ยง ทำชั่วทำดีย่อมมีผล ดังนี้
- สัมมาสังกัปปะ ความดำริที่จะออกจากกาม จากโลภะ โทสะ โมหะ
ดำริในอันไม่พยาบาท ดำริในอันไม่เบียดเบียน ดังนี้
- สัมมาวาจา การเจรจาชอบ เว้นประพฤติทางวาจา ด้วยการพูดเท็จ
พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ แลพูดเพ้อเจ้อ ดังนี้
- สัมมากัมมันตะ การงานชอบ เว้นประพฤติชั่วทางกาย ด้วยการฆ่าสัตว์
ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม ดังนี้
- สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีวิตชอบ เว้นจากการเลี้ยงชีวิตที่ผิดด้วย
การโกงเขา หลอกลวงเขา สอพลอเขา บีบบังคับขู่เข็ญเขา ค้าคน
ค้ายาเสพติด ค้ายาพิษ สุรา ดังนี้
- สัมมาวายามะ ความเพียรชอบ เพียรระวังบาปอกุศลที่ยังไม่เกิด
มิให้เกิดขึ้น (สังวรปธาน), เพียรละบาป อกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว
(ปหานปธาน), เพียรเจริญทำกุศลกรรมที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น
(ภาวนาปธาน), เพียรรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ให้เสื่อมไปและ
เพิ่มให้ไพบูลย์ (อนุรักขนาปธาน) ดังนี้
- สัมมาสติ ความระลึกชอบด้วยข้อปฏิบัติ มีสติเป็นประธาน กำหนด
พิจารณาสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นเท่าทันตามความเป็นจริง ไม่ถูกครอบงำด้วย
ความยินดียินร้าย ด้วยอำนาจกิเลส มี ๔ ประการ คือ
* กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน การตั้งสติกำนหดพิจารณากำกับรู้
เท่าทันกาย แลเรื่องทางกาย
* เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณากำกับ
รู้เท่าทันเวทนา
* จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณารู้เท่าทันจิต
หรือสภาพและอาการของจิตนั้น
* ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน การตั้งสติกำหนดพิจารณากำกับดูรู้
เท่าทันธรรมนั้น
- สัมมาสมาธิ การตั้งจิตมั่นชอบ ด้วยการเพ่งอารมณ์ จนใจแน่วแน่
ย่อมบรรลุถึงฌาน ๔ ดังนี้.
.....................................
(ยังมีต่ออีก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น